ความเข้าใจผิดของโรคเอดส์คือ หลายคนคิดว่าหากเป็นโรคเอดส์จะเสียชีวิต แต่อันที่จริงแล้วโรคเอดส์นั้นสามารถรักษาได้ มาทำความรู้จักกับโรคเอดส์ให้มากขึ้นกันเถอะ โดยเฉพาะวิธีการรักษาโรคเอดส์ แล้วคุณจะรู้ว่าโรคเอดส์นั้นไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
โรคเอดส์คืออะไร
หลายคนมักจะเข้าใจผิดคิดว่าโรคเอดส์และ HIV คืออย่างเดียวกัน ซึ่ง HIV และโรคเอดส์จะต่างกัน ดังนี้
- HIV เป็นเชื้อไวรัสที่ทำลายภูมิคุ้มกันขอร่างกาย โดยจะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาวในร่างกาย โดยเฉพาะเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่อง และถ้าไม่ได้รับการรักษาระดับเม็ดเลือดขาวจะต่ำลง จนเข้าสู่ภาวะต่อไป นั้นก็คือภาวะเอดส์
- AIDS หรือที่เรารู้จักกันในชื่อเอดส์ เมื่อระดับเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 ต่ำกว่า 200 คุณจะเข้าสู่สภาวะที่ระบบภูมิคุ้มกันและเม็ดเลือดขาวถูกทำลาย ซึ่งอาการนี้จะเรียกว่า ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ทำให้ร่างกายของคุณติดเชื้อได้ง่าย
ซึ่งโรคเอดส์เป็นโรคที่ไม่ฟังดูเหมือนจะไม่น่ากลัว หากอยู่เดี่ยว ๆ แต่ต้องระวังเรื่องของโรคแทรกซ้อน ที่เกิดขึ้นระหว่างที่คุณป่วยเป็นโรคเอดส์ จนทำให้อันตรายถึงชีวิตได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรักษาโรคเอดส์ได้
ระยะการติดเชื้อของผู้ป่วย HIV
ระยะการติดเชื้อของโรคเอดส์ยังมีผลต่อการรักษาโรคเอดส์อีกด้วย มาสังเกตตัวเองหากคุณมีอาการป่วยเหล่านี้ ต้องระวังตัวเองเป็นพิเศษ
- ระยะแรก ร่างกายอยู่ในภาวะเริ่มติดเชื้อ ไม่ค่อยแสดงอาการมาก
- ระยะที่ 2 มีตุ่มขึ้นตามร่างกาย มีเชื้อราในปาก เป็นงูสวัด
- ระยะที่ 3 เป็นโรคเอดส์ มีการติดเชื้อฉวยโอกาส เช่น เชื้อราขึ้นสมอง วัณโรค
จะเห็นได้ว่าระยะที่ 1 จะเป็นระยะของโรค HIV ส่วนระยะที่ 3 จึงจะเป็นระยะการป่วยเป็นโรคเอดส์ หากคุณรู้ตัวว่าป่วยเป็นในระยะแรกควรรีบทำการรักษา เพื่อที่จะได้รักษาได้ทันท่วงที เพราะถ้าหากรักษาได้ไว ก็จะมีโอกาสรักษาให้อาการดีขึ้นได้
ขั้นตอนการรักษาโรคเอดส์
การรักษาโรคเอดส์ เป็นเพียงแค่การรักษาเพื่อประคับประคองอาการเท่านั้น เนื่องจากวิทยาการปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาโรคเอดส์ได้หายขาดได้ แต่เป็นการรักษาเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ และมีอายุยืนยาวเหมือนคนปกติ โดยวิธีการรักษาโรคเอดส์ ดังนี้
- การกินยาต้านเชื้อ HIV โดยมีผลการวิจัยว่า หากคุณเริ่มยาต้านเอชไอวีอย่างเร็วภายใน 2 สัปดาห์แรกก่อนที่ผลการตรวจ anti-HIV จะเป็นบวก ซึ่งมีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่อยู่ในการศึกษานี้ ยังมีผล anti-HIV ที่เป็นลบหลังการรักษา
- การปลูกถ่ายอวัยวะ ปัจจุบันผู้ติดเชื้อ HIV ที่หายขาดมีเพียงคนเดียวเท่านั้น เป็นผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูก ซึ่งเซลล์ที่ปลูกถ่ายเป็นเซลล์ชนิดพิเศษในการต้านทานเชื้อ HIV และหลังจากนั้นก็ตรวจแทบไม่พบเชื้อ HIV ในตัวแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นวิธีการรักษาโรคเอดส์ด้วยวิธีการปลูกถ่ายอวัยวะ เป็นวิธีที่มีค่าใช้จ่ายสูงถึงหลักล้านเลยทีเดียว
(ขอขอบคุณข้อมูลจาก : รามาแชนแนล)
วิธีการป้องกันโรคเอดส์
มาป้องกันตัวเอง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมารักษาโรคเอดส์ในภายหลัง หากคุณระวังตัวได้ดีแล้ว ก็จะช่วยลดปัญหาการติดเชื้อเอดส์ได้
- สวมถุงยางทุกครั้งขณะมีเพศสัมพันธ์ เราไม่สามารถไว้ใจคู่นอนได้ หากยังไม่ได้ทำการตรวจคัดกรองโลกเอดส์กันทั้งคู่ ทางที่ดีควรป้องกันทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
- ตรวจเลือดก่อนแต่งงานหรือวางแผนมีบุตร การติดเชื้อเอดส์สามารถติดได้จากแม่สู่ลูก เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อจากแม่สู่ลูก
เพื่อเป็นการตัดวงจรการเกิดโรคเอดส์ ต้องทำตามวิธีการป้องกันโรคเอดส์ ที่เราได้แนะนำไปในข้างต้น แต่ถึงอย่างนั้นหากคุณติดเชื้อโรคเอดส์ขึ้นมา ก็ไม่ต้องกังวลไปเพราะการรักษาโรคเอดส์ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด หากคุณเข้ารับการรักษาก็จะช่วยประคองอาการเจ็บป่วยได้ อีกหนึ่งความอุ่นใจ ที่จะช่วยให้คุณยิ้มได้เมื่อภัยมา นั่นก็คือแผนประกันสุขภาพจาก Rabbit Care เรามีแผนประกันให้คุณเลือกได้หลากหลายตรงตามความต้องการ ด้วยความที่โรคเอดส์เป็นโรคเรื้อรังที่คุณจะต้องพบหมอเป็นประจำ การทำประกันสุขภาพจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้แก่คุณได้ เข้ามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://rabbitcare.com/health-insurance